จีนเตือนสหรัฐฯ ว่าพวกเขาพร้อมต่อสู้ในสงครามทุกประเภท หลังปักกิ่งตอบโต้การตั้งกำแพงภาษีของสหรัฐฯ และประกาศเพิ่มงบฯ กลาโหมขึ้นอีก
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลกอย่างจีนกับสหรัฐฯ กำลังเข้าใกล้ภาวะสงครามการค้า หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งเก็บภาษีศุลกากรสินค้าที่นำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 10% เมื่อวันอังคาร (4 มี.ค. 2568) ส่วนแดนมังกรก็ตอบโต้อย่างรวดเร็วด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ ในอัตรา 10-15%
ล่าสุดในวันพุธ (5 มี.ค.) สถานทูตจีนได้โพสต์ข้อความผ่าน X ระบุว่า “หากสงครามคือสิ่งที่สหรัฐฯ ต้องการ จะเป็นสงครามภาษี, สงครามการค้า หรือสงครามประเภทอื่นๆ เราก็พร้อมที่จะต่อสู้จนถึงที่สุด” ซึ่งเป็นการนำข้อความจากแถลงการณ์ของกระทรวงต่างประเทศจีนเมื่อวันอังคารมาโพสต์ซ้ำอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม นี่นับเป็นหนึ่งในข้อความรุนแรงที่สุดจากฝ่ายจีน นับตั้งแต่โดนัลด์ ทรัมป์ ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ และเกิดขึ้นในขณะที่บรรดาผู้นำทางการเมืองและภาคส่วนต่างๆ ของจีน มารวมตัวกันที่กรุงปักกิ่ง เพื่อร่วมการประชุมประจำของสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC)
ขณะเดียวกัน นายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีนประกาศว่า จีนจะเพิ่มการใช้จ่ายด้านการกลาโหมขึ้นอีก 7.2% ในปีนี้ และเตือนว่า ความเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนในรอบศตวรรษกำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก
ทั้งนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ออกคำสั่งตั้งกำแพงภาษีเม็กซิโก, แคนาดา และจีน ตั้งแต่วันแรกที่เขารับตำแหน่งเมื่อ 20 ม.ค. โดยกล่าวหาทั้ง 3 ประเทศว่ามีส่วนทำให้ยาเฟนทานิลหลั่งไหลเข้าสู่สหรัฐฯ ขณะที่ฝ่ายจีนกล่าวหาสหรัฐฯ ว่าใช้เฟนทานิลเป็นข้ออ้างในการตั้งกำแพงภาษีสินค้าจีน