ชาวญี่ปุ่นที่จบชีวิตตัวเองในปี 2567 น้อยสุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ แต่จำนวนผู้เยาว์ที่จบชีวิตตัวเองกลับพุ่งสูงสุดตลอดกาล
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันพุธที่ 29 ม.ค. 2568 กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ ของประเทศญี่ปุ่นเผยแพร่ข้อมูลเบื้องต้นซึ่งแสดงให้เห็นว่า ในปี 2567 มีผู้จบชีวิตตัวเองในญี่ปุ่นทั้งสิ้น 20,268 ราย ลดลงจากปีก่อนหน้านั้น 1,569 ราย และต่ำที่สุดเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่เริ่มเก็บสถิติในปี 2521
จำนวนผู้เสียชีวิตดังกล่าวแบ่งเป็น ชาย 13,763 ราย และหญิง 6,505 ราย ในจำนวนนี้ เป็นผู้เยาว์ 527 ราย แซงหน้าสถิติสูงสุดเดิมในปี 2565 ซึ่งมีผู้เยาว์เสียชีวิตที่ 514 ราย
และจากทั้งหมด 527 รายนั้น เป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลายถึง 349 ราย หรือเกือบ 70% เป็นนักเรียนชั้นมัธยมต้น 163 ราย และนักเรียนชั้นประถม 15 ราย
สถิติบอกด้วยว่า การจบชีวิตตัวเองในหมู่นักเรียนหญิงชั้นมัธยมต้นและมัธยมปลายในญี่ปุ่นกำลังเพิ่มขึ้น โดยในกลุ่มนักเรียนชั้นมัธยมต้นที่เสียชีวิตเป็นเด็กหญิงถึง 99 ราย เพิ่มจากปีก่อนหน้านั้น 19 ราย และชั้นมัธยมปลายที่ 183 ราย เพิ่มจากปีก่อนหน้านั้น 17 ราย
กระทรวงสุขภาพฯ ระบุว่า แรงจูงใจในการก่อเหตุในกลุ่มคนอายุ 19 ปีหรือต่ำกว่า มีหลากหลาย รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับการเรียน เช่น ผลการเรียนไม่ดี และไม่สามารถเข้าเรียนในสายวิชาที่ต้องการได้ นอกจากนั้นยังมีปัญหาสุขภาพเช่น โรคซึมเศร้า และปัญหาครอบครัวเช่น มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับผู้ปกครอง
เจ้าหน้าที่ระบุด้วยว่า พวกเขากำลังให้ความสำคัญกับข้อเท็จจริงที่ว่าการจบชีวิตตัวเองในหมู่ผู้เยาว์เพิ่มสูงขึ้นอย่างจริงจัง โดยพวกเขาจะวิเคราะห์ปัจจัยเบื้องหลัง และทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหาเหล่านั้น