“ทักษิณ” โว ฉายารัฐบาลพ่อเลี้ยง เดี๋ยวเพื่อไทยทำเศรษฐกิจดี คนเหนือก็จะเป็นพ่อเลี้ยงกันหมด อวยลูกสาว เก่งกว่าตัวเองสมัยเริ่มต้นเป็นนายกฯ ปัดเขียนสคริปต์ให้ พร้อมสวนกลับ “แก้วสรร”
วันที่ 23 ธันวาคม 2567 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ร้านอาหารลิ้มเหล่าโหงว จ.เชียงใหม่ ถึงกรณีฉายารัฐบาลประจำปี 2567 “รัฐบาล(พ่อ)เลี้ยง” ที่สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลตั้งให้กับรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บุตรสาว ว่า สงสัยสื่อมวลชนเห็นว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทย (พท.) น่าจะเป็นคนเหนือ เพราะคนเหนือชอบเรียกพ่อเลี้ยง และเมื่อพรรคเพื่อไทยทำเศรษฐกิจดี คนเชียงใหม่และคนเหนือก็จะเป็นพ่อเลี้ยงกัน (อ่านเพิ่มเติม : ฉายาปี 67 “รัฐบาล(พ่อ)เลี้ยง” นายกฯ “แพทองโพย” วาทะแห่งปี “สามีเป็นคนใต้”)
ส่วนที่มีการติงกันว่า น.ส.แพทองธาร อาจจะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงนั้น นายทักษิณ ระบุว่า ตนคิดว่าเขาเก่งกว่าตอนที่ตนเริ่มต้นด้วยซ้ำ น.ส.แพทองธาร ปรับตัวได้เร็วมาก แต่แน่นอนว่าไม่มีใครคนใดคนหนึ่งที่จะรู้หรือทำอะไรได้ทุกเรื่อง ต้องมีทีมงานที่ช่วยกัน ทั้งทีมเศรษฐกิจและทีมต่างๆ ตนแค่อาจจะให้คำแนะนำไป แต่อย่าลืมว่าลูกสาวคนเล็กพ่อชี้นำไม่ค่อยได้ ส่วนใหญ่จะชี้นำพ่อ
ผู้สื่อข่าวถามต่อถึงฉายา “แพทองโพย” ที่ตั้งให้กับนายกรัฐมนตรี มีนายทักษิณเขียนสคริปต์ให้หรือไม่ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ไม่หรอกครับ เพราะว่าเขาชอบเล่นไอแพด ตั้งแต่เรียนหนังสือ จะมีโน้ตสำคัญไว้ในนั้น เวลาลืมก็จะได้ดู โดยเฉพาะเรื่องสำคัญที่ลืมไม่ได้ คือเรื่องต่างประเทศก็ต้องคอยจับประเด็นให้ได้”
เมื่อถามถึงฉายา “ทวีไอพี” ของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งมีการพาดพิงมาถึงนายทักษิณด้วย โดยเฉพาะกรณีชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ นายทักษิณ เผยว่า ไม่มีอะไร จริงๆ แล้ว ส่วนใหญ่เป็นงานของขาประจำ ตนมีขาประจำอยู่ หากว่างตนก็อยากชวนขาประจำมานั่งดื่ม มาพูดคุยกัน ขาประจำตนจะได้เลิกเป็นขาประจำตนเสียที จะได้เข้าใจกันมากกว่านี้ บางคนหมั่นไส้ โดยที่ยังไม่รู้จักตัวตนของตน แต่ตนมีพรสวรรค์ ไม่ใช่พรนรกก็แล้วกัน คนที่ไม่รู้จักก็สามารถหมั่นไส้ตนได้
ทางด้านคำถามว่าที่เช็กลิสต์ไว้มีประมาณกี่คน นายทักษิณ ตอบว่า ประมาณ 10 กว่าคน หน้าเก่าๆ และก็เห็นๆ กันอยู่ เมื่อถามอีกว่าเป็นกลุ่มเดียวกับที่ออกมายื่นร้องต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันก่อนหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า จำนวนหนึ่ง แต่ไม่เป็นอะไร ใครยื่นก็ยื่นไป ถ้ายื่นผิดแล้วก็ต้องคอยตั้งรับ ยื่นมาเลยไม่มีปัญหา ตนไม่ได้ขู่ Tit-for-tat is a fair play ซึ่งเป็นวลีการตอบโต้ฝ่ายตรงข้าม ลักษณะเดียวกันกับสำนวนไทยว่า หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง
เมื่อถามว่าการไล่เช็กบิลจะทำให้กลับสู่วังวนเดิมหรือไม่ นายทักษิณ ระบุว่า สื่อมวลชนยังเหนื่อยแทบตาย แต่คนพวกนี้ไม่รู้จะทำอะไร ร้องอย่างเดียว อาชีพไม่มี ไม่มีการเสียภาษี บางคนไปซื้อที่ดินแถวริมทะเลก็มี มันตลก บ้านเมืองต้องไม่ปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น เพราะเกิดความสับสนวุ่นวาย
อย่างไรก็ตาม ในคำถามถึงกรณี นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ ออกมาระบุว่า สามารถพา นายทักษิณ กลับไปที่เดิมได้ ทันทีที่นายทักษิณฟังคำถามจบ กล่าวทันทีว่า “สาธุ” ก่อนกล่าวต่อไปว่า “ให้พาไปทั้งพี่ทั้งน้องเลย หมายถึงน้องเขาแฝดอ่ะ”