จีนส่งเรือรบ 3 ลำ ไปดำเนินการซ้อมรบในทะเลแทสมัน ใกล้กับชายฝั่งออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ทำให้สองประเทศจับตาอย่างใกล้ชิดและส่งเรือไปสังเกตุการณ์ ขณะที่สายการบินต่างๆ ปรับเส้นทางบินใหม่เพื่อความปลอดภัย วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กองทัพเรือจีนส่งเรือรบ 3 ลำ ประกอบด้วยเรือฟริเกต เรือลาดตระเวน และเรือสนับสนุน ไปดำเนินการซ้อมรบในทะเลแทสมัน ซึ่งอยู่ใกล้กับชายฝั่งออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ โดยเรือรบของจีนเคยเข้าใกล้ชายฝั่งซิดนีย์ของออสเตรเลียมากถึง 150 ไมล์ทะเล ก่อนจะเคลื่อนออกไปอยู่ห่างจากชายฝั่งรัฐนิวเซาท์เวลส์ประมาณ 340 ไมล์ทะเล นับเป็นความตึงเครียดทางทหารในภูมิภาคแปซิฟิกใต้ครั้งล่าสุด และยังสะท้อนถึงความเคลื่อนไหวทางทหารของจีนที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในภูมิภาค โดยการซ้อมรบครั้งนี้ทำให้รัฐบาลออสเตรเลียและนิวซีแลนด์จับตาอย่างใกล้ชิด โดยได้ส่งเรือรบออกไปสังเกตการณ์ ขณะที่นิวซีแลนด์ยืนยันว่าจีนไม่ได้แจ้งล่วงหน้าถึงการส่งเรือรบเข้ามาในภูมิภาค ด้านออสเตรเลียระบุว่า แม้เหตุการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ก็ถือว่าเป็นกรณีที่ผิดปกติ อย่างไรก็ตาม จีนยืนยันว่าการซ้อมรบเป็นไปตามกฎหมายสากลและดำเนินการอย่างปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ออสเตรเลียเปิดเผยว่าจีนไม่ได้แจ้งรัฐบาลโดยตรงเกี่ยวกับการใช้กระสุนจริง แต่ใช้วิธีประกาศผ่านคลื่นวิทยุซึ่งสายการบินพาณิชย์สามารถรับฟังได้ ส่งผลให้สายการบินหลายแห่ง เช่น Qantas, Virgin Australia และ Air New Zealand ต้องปรับเปลี่ยนเส้นทางบินเพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจากจีนและออสเตรเลียจัดประชุมด้านกลาโหมในกรุงปักกิ่ง ซึ่งหารือเกี่ยวกับความโปร่งใสทางทหารและการสื่อสาร อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศยังคงตึงเครียดจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ อาทิ กรณีที่เครื่องบินขับไล่ของจีนปล่อยแฟลร์ขวางเครื่องบินทหารออสเตรเลียเหนือทะเลจีนใต้ และเหตุการณ์ที่จีนใช้คลื่นโซนาร์โจมตีเรือออสเตรเลียในน่านน้ำนานาชาติใกล้ญี่ปุ่น ส่งผลให้ทหารออสเตรเลียได้รับบาดเจ็บ Source link

อัยการสูงสุดของรัฐนิวยอร์กยื่นฟ้องบริษัทใหญ่ 13 รายที่ผลิตและจัดจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าที่มีรสชาติและรูปลักษณ์ต่างๆ เน้นทำการตลาดกับกลุ่มเด็กและวัยรุ่นอย่างจงใจและผิดกฎหมาย สร้างวิกฤตด้านสาธารณสุขครั้งใหญ่ Source link

บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เตรียมเปิดฉากครั้งสำคัญกับ “UTCC MBA FORUM: Your Path to the Future…Opportunities Begin Here” งานประชุมสัมมนาด้านธุรกิจกับคำถามที่ว่า “MBA เรียนไปเพื่ออะไร?” ดร.อารดา มหามิตร คณบดีบัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ในยุค AI และเทคโนโลยีล้ำสมัยที่สามารถคิดแทนคนได้ แล้วคนจะเรียนไปเพื่ออะไร วันนี้สิ่งที่ต้องการคงไม่ใช่แค่ใบปริญญา แต่คือแก่นความรู้ของธุรกิจ ทักษะการเข้าใจการบริหารจัดการคน การคิดจัดการเชิงกลยุทธ์ตามบริบทต่างๆ และการตัดสินใจที่เทคโนโลยีไม่สามารถแทนที่ได้ เพราะเทคโนโลยีอาจวิเคราะห์ข้อมูลได้ แต่ “คุณค่า ความคิดสร้างสรรค์ และวิสัยทัศน์” มาจากคนที่มีความรู้และประสบการณ์ลึกซึ้ง เราจึงนำเสนอเรื่องของพื้นที่แห่งการเรียนรู้และการเชื่อมโยงโอกาสทางธุรกิจสำหรับผู้ที่ต้องการก้าวสู่อนาคตอย่างมั่นคง โดยงานนี้จัดขึ้นเพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการพัฒนาตัวเองและขยายโอกาสให้กับตัวเอง ผ่านแนวคิดหลัก M.B.A. คือ การเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญตัวจริงในวงการธุรกิจ ถ่ายทอดประสบการณ์ตรงและกรณีศึกษาที่หาไม่ได้จากตำรา, ก้าวข้ามขีดจำกัดทางความรู้แต่ละด้าน ด้วยการอัพเดตเทรนด์ธุรกิจใหม่ ๆ ที่จะช่วยสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันกับอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญจาก UTCC MBA และการสร้างเป้าหมายต่อยอดความสำเร็จในแบบของแต่ละคน โดยการบอกเล่าจากศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบัน ที่สร้างความสำเร็จในแบบตัวเองที่แตกต่างกัน อีกทั้งงานนี้ ยังได้นำเสนอคำว่า “MBA Playground” ช่วงของการแลกเปลี่ยนไอเดีย และจุดประกายความคิดสร้างสรรค์  ซึ่งจะเป็นพื้นที่สำคัญในการสร้างสรรค์โอกาสใหม่ ๆ ในธุรกิจ และพื้นที่ UTCC MBA เรานำเสนอ Passion และ Opportunities สามารถมาพร้อมกันได้ ผ่านวิทยากรชั้นนำทางธุรกิจที่จะมาเปิดมุมมองในงาน UTCC MBA Forum ไม่ว่าจะเป็น รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ผู้ซึ่งคนต่างกล่าวขานว่า ท่านคือนักพยากรณ์เศรษฐกิจ ท่านจะมาพยากรณ์อนาคตของธุรกิจ และการเรียนรู้ที่ไม่เหมือนเดิม, คุณชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ แห่งไทยซัมมิท กับช่วง Mastery ถ่ายทอดประสบการณ์ของผู้นำที่นำธุรกิจท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลง, คุณโค้ดดี้-อรรถพล โพธิ์หาญรัตนกุล CEO goodday official ที่มียอดผู้ติดตามรวมกันหลายล้าน กับช่วง MBA Playground เพราะวันนี้ธุรกิจ โอกาส และความสุข มาพร้อมกัน ขณะที่ช่วง Beyond กับอัพเดตเทรนด์ธุรกิจใหม่ ๆ และการเรียนรู้ใหม่กับอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญและวิทยากรพิเศษแต่ละด้านจาก UTCC MBA และช่วง Achievement การบอกเล่าโอกาสและความสำเร็จจากศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบัน UTCC MBA ดร.อารดา มหามิตร คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย กล่าวว่า “งาน UTCC MBA FORUM ครั้งนี้ เราจัดเป็นครั้งแรก เราUTCC จะเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างแพลตฟอร์มที่เปิดกว้างสำหรับการเรียนรู้ใหม่ เปิดมุมมองการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์กับโลกอนาคต และคุณค่าที่ทุกคนสามารถสร้างสรรค์ให้กับตัวเอง และสุดท้ายคุณจะตอบได้ว่า MBA เรียนไปเพื่ออะไร โดยการสร้างความสำเร็จในแบบของคุณเอง”“สุดท้าย UTCC MBA FORUM ไม่เพียงเป็นงานสัมมนา แต่คือ “โอกาส” ในการเปิดโลกทัศน์ธุรกิจ และสร้างเส้นทางสู่ความสำเร็จในอนาคตถ้าวันนี้คุณกำลังมองหาการพัฒนาตัวเองเพื่อก้าวไปสู่โอกาสใหม่ๆ ในโลกธุรกิจ อย่าพลาด! 1 มีนาคมนี้ ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ขอเชิญร่วมงาน UTCC MBA FORUM มาเปิดมุมมองใหม่ก่อนตัดสินใจเส้นทางอนาคตของคุณติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย https://mbaforum.utcc.ac.th  Source link

ติดตามเราได้ที่ 20 ก.พ. 2568 19:47 น. แชร์ข่าว พ.ต.อ.ยิ่งยศ ฉลาดปรุ ผกก.สน.นิมิตรใหม่ ขับเคลื่อนมาตรการ ตร.ปิดล้อมตรวจค้นแรงงานต่างด้าวในตลาดหทัยมิตร ไม่พบทำผิดกฎหมาย แย่งอาชีพคนไทย เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 พ.ต.อ.ยิ่งยศ ฉลาดปรุ ผกก.สน.นิมิตรใหม่ นำกำลังร่วมกับรองผู้ช่วยสิ่งแวดล้อมและสาธารณสุข หัวหน้าเทศกิจ สำนักงานเขตคลองสามวา ระดมกำลังบูรณาการร่วมปิดล้อมตรวจค้นต่างด้าวเข้าเมืองมาผิดกฎหมาย ภายในตลาดหทัยมิตร ถนนหทัยราษฎร์ แขวงและเขตมีนบุรี กทม. ตรวจแผงค้าขายประมาณ 80 แผง พบผู้ขายส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าวที่เข้าเมืองมาโดยถูกกฎหมายและเป็นลูกจ้างคนไทยที่เป็นเจ้าของแผงค้าตัวจริง การตรวจค้นปูพรมครั้งนี้ไม่พบแรงงานต่างด้าวเข้ามากระทำผิดกฎหมาย หรือทำงานผิดประเภทที่สงวนให้ไว้คนไทยทำงานเท่านั้น พ.ต.อ.ยิ่งยศ ฉลาดปรุ ผกก.สน.นิมิตรใหม่ กล่าวว่า ตามนโยบาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ให้ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติแรงงานต่างด้าวกระทำผิดกฎหมาย และแรงงานต่างด้าวประกอบอาชีพโดยผิดกฎหมาย การลงพื้นที่ตรวจครั้งนี้ผู้ประกอบการให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและไม่พบแรงงานต่างด้าวกระทำผิดกฎหมาย Source link

มติที่ประชุมอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ เคาะ 3 มาตรการช่วยชาวนา พยุงราคาไม่ต่ำกว่า 8,000 บาทต่อตัน ใช้วงเงิน 1.8 พันล้าน เตรียมเสนอ นบข. พิจารณาสัปดาห์หน้า วันที่ 20 ก.พ. 2568 ที่กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการตลาด โดยมีนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โรงสี สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย และกลุ่มชาวนา นายพิชัย ระบุภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมเห็นชอบ 3 มาตรการเพื่อพยุงราคาข้าวไม่ให้ต่ำกว่า 8,000 บาทต่อตัน ประกอบด้วย โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปรังตันละ 1,500 บาท ปริมาณ 1.5 ล้านตัน กรณีเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางจะได้รับค่าฝากเก็บตันละ 1,500 กรณีฝากสถาบันเกษตรกร จะได้รับตันละ 1,000 บาท โดยสถาบันได้ค่าฝากเก็บ 500 ระยะเวลาฝากเก็บ 1-5 เดือน มาตรการชดเชยดอกเบี้ยให้กับโรงสีในการรับซื้อข้าวที่ร้อยละ 6 ปริมาณ 2 ล้านตัน ระยะเวลา 2-6 เดือน และมาตรการเปิดจุดรับซื้อข้าวในราคานำตลาดตันละ 300 บาท ปริมาณ 3 แสนตัน ซึ่งจะทำให้ราคาข้าวอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 8,000 บาท โดยโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี จะใช้วงเงิน 1,893 ล้าน เตรียมเสนอคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ หรือ นบข. สัปดาห์หน้า และเสนอต่อ ครม. ต่อไป ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ยังมีมาตรการอื่น ๆ ที่จะช่วยดึงซัพพลายข้าวออกจากตลาด โดยการเร่งส่งออกข้าวไปยังต่างประเทศให้ได้มากขึ้น ด้านนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า มาตรการที่ออกมาจะช่วยให้เกษตรกรขายข้าวได้ไม่ต่ำกว่า 8,000 บาทต่อตัน ซึ่งเป็นไปตามความต้องการของเกษตรกร ส่วนข้อเสนอที่เกษตรกรขอให้ชดเชยเรื่องต้นทุน เรื่องการไม่เผาฟางข้าว เป็นเรื่องคณะอนุกรรมการนโยบายข้าวด้านการผลิตจะต้องพิจารณา ขณะที่ นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย กล่าวว่า มีความพอใจกับมาตรการดังกล่าวที่ออกมาระดับหนึ่ง โดยชาวนาอยากขายข้าวในราคาไม่ต่ำกว่า 8,000 บาทต่อตัน เพราะเป็นราคาที่รับได้ ซึ่งต้นทุนราคาปลูกข้าวขณะนี้เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5,500 – 6,000 บาทต่อตัน แต่ขณะเดียวกัน ด้านกลุ่มชาวนาที่เดินทางมาจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่มารอหน้าห้องประชุม ได้ระบุด้วยว่า ยังไม่พอใจกับมาตรการนี้ เพราะไม่เป็นไปตามข้อเรียกร้อง Source link

ตำรวจเปิดปฏิบัติการ “ยุทธการเด็ดปีกแก๊งลักลอบขนต่างด้าว” จับขบวนการลักลอบขนแรงงานเถื่อน ชี้พฤติกรรมเข้าข่ายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติและการฟอกเงิน มีนายทุนคอยควบคุมสั่งการ แจ้งจำนวนรถกระบะที่ต้องออกจาก กทม.-ปริมณฑล ขึ้นไปรับต่างด้าวตามจุดนัดพบแนวตะเข็บชายแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย Source link

ติดตามเราได้ที่ 19 ก.พ. 2568 16:42 น. แชร์ข่าว เช็กเงื่อนไข เปิดรับสมัคร นักเรียนวิศวกรรมรถไฟ ปีการศึกษา 2568 จำนวน 210 อัตรา สมัครได้ทางออนไลน์ ถึง 17 มีนาคม 2568 โรงเรียนวิศวกรรมรถไฟ สถาบันฝึกอบรมระบบราง การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดรับสมัครนักเรียน ประจำปีการศึกษา 2568 โดยมีสาขาวิชาที่เปิดรับสมัคร ดังนี้ 1. ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม สาขาวิชาช่างเครื่องกล จำนวน 80 คน รับผู้สำเร็จการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช. หลักสูตร 3 ปี) สาขาวิชาช่างยนต์ ช่างกลโรงงาน ช่างไฟฟ้ากำลัง ช่างอิเล็กทรอนิกส์ ช่างซ่อมบำรุง ช่างเครื่องมือวัดและควบคุม เครื่องกลเกษตร หรือสาขาวิชาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง สาขาวิชาช่างเทคนิคไฟฟ้ารถจักรและล้อเลื่อน จำนวน 40 คน รับผู้สำเร็จการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช. หลักสูตร 3 ปี) สาขาวิชาช่างยนต์ ช่างกลโรงงาน ช่างไฟฟ้ากำลัง ช่างอิเล็กทรอนิกส์ ช่างซ่อมบำรุง ช่างเครื่องมือวัดและควบคุม เครื่องกลเกษตร หรือสาขาวิชาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง สาขาวิชาช่างอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม จำนวน 30 คน รับผู้สำเร็จการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช. หลักสูตร 3 ปี) สาขาวิชาช่างไฟฟ้ากำลัง ช่างอิเล็กทรอนิกส์ ช่างซ่อมบำรุง ช่างเครื่องมือวัดและควบคุม ช่างโทรคมนาคม เมคคาทรอนิกส์ หรือสาขาวิชาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง สาขาวิชาช่างโยธา จำนวน 30 คน รับผู้สำเร็จการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช. หลักสูตร 3 ปี) สาขาวิชาช่างก่อสร้าง ช่างโยธา ช่างสำรวจ สถาปัตยกรรม ช่างเครื่องเรือนและตกแต่งภายใน หรือสาขาวิชาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 2. ประเภทวิชาบริหารธุรกิจ สาขาวิชาการจัดการเดินรถ จำนวน 30 คน รับผู้สำเร็จการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช. หลักสูตร 3 ปี) ประเภทวิชาพาณิชยกรรมทุกสาขาวิชา ประเภทวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารทุกสาขาวิชา หรือมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม. 6) ทุกสายการเรียน คุณสมบัติของผู้สมัคร เพศชาย สัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์และไม่เกิน 25 ปีบริบูรณ์นับถึงวันที่ยื่นใบสมัคร ส่วนสูงของร่างกายไม่น้อยกว่า 160 เซนติเมตร น้ำหนักไม่น้อยกว่า 45 กิโลกรัม น้ำหนักต้องไม่เกินส่วนสูงลบด้วย 100 วัดรอบอกเมื่อหายใจออกไม่น้อยกว่า 75 เซนติเมตร พ้นภาระการรับราชการทหารตาม พ.ร.บ. รับราชการทหาร พ.ศ. 2497 มีระดับคะแนนเฉลี่ยสะสมไม่ต่ำกว่า 2.50 มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงไม่เป็นอุปสรรคต่อการศึกษา ซึ่งผ่านการตรวจรับรองโดยแพทย์โรงพยาบาลของรัฐหรือเอกชน ดวงตาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่บอดสี หูไม่ตึงหรือเป็นใบ้ พูดชัดไม่ติดอ่าง น้ำเสียงชัดเจนไม่ผิดปกติ ตรวจและรับรองโดยแพทย์โรงพยาบาลของรัฐหรือเอกชน สภาพร่างกายปกติ...

ม็อบชาวนาภาคกลาง รวมตัวบุกประชิดรั้วทำเนียบฯ จี้รัฐบาลเร่งแก้ราคาข้าวตกต่ำ ขู่ปลุกชาวนาทั่วประเทศปิดถนน ถ้าพรุ่งนี้วงอนุ นบข. ไร้คำตอบ “สุชาติ” ให้คำมั่น ได้คำตอบที่ดีแน่ ยันนายกฯ ไม่นิ่งนอนใจ หลังชาวนาโวยสนใจแต่แก้รัฐธรรมนูญ เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มเกษตรกรชาวนาผู้ได้รับความเดือดร้อนจังหวัดพื้นที่ภาคกลาง ประกอบด้วย จ.พระนครศรีอยุธยา จ.สุพรรณบุรี จ.อ่างทอง จ.ลพบุรี จ.สิงห์บุรี จ.ชัยนาท และ จ.ปทุมธานี ประมาณ 200 คน นำโดย นายสมชัย ไตรถาวร ประธานชมรมชาวนาอยุธยา เดินทางมาชุมนุมเพื่อยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขอให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำ บรรเทาความเดือดร้อนของชาวนาอย่างเร่งด่วน โดยมีข้อเรียกร้อง ดังนี้ 1. ขอให้รัฐบาลดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ทำนา โดยกำหนดราคาประกันข้าวที่ 11,000 บาทต่อตัน และกำหนดปริมาณรับประกันราคาไม่เกิน 50 ตันต่อราย หรือดำเนินโครงการรับจำนำข้าวในราคารับจำนำข้าว 11,000 บาทต่อตัน สำหรับเกษตรกรรายละ 50 ตัน 2. ขอให้รัฐบาลเยียวยาเกษตรกรผู้ทำนาในพื้นที่รับน้ำ โดยจัดสรรเงินชดเชยจำนวน 300 บาทต่อไร่ต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือนในแต่ละปี เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการเป็นพื้นที่รับน้ำ 3. ขอให้ยกเลิกมาตรการห้ามเผาตอซังข้าวในพื้นที่ทำการเกษตร เนื่องจากชาวนาที่อยู่ในพื้นที่ไม่มีทางเลือกอื่นใดในการกำจัดฟางข้าวนอกจากการเผาทำลาย หรือขอให้ตั้งงบประมาณรับซื้อตอซังข้าว เพื่อช่วยลดภาระชาวนา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างรอยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี กลุ่มเกษตรกรปราศรัยผ่านเครื่องขยายเสียงบริเวณ ถ.พิษณุโลก หน้าประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นการปราศรัยถึงปัญหาราคารับซื้อข้าวตกต่ำ พร้อมทั้งชูป้ายระบุข้อความต่างๆ อาทิ “ต้นทุน 6,000 ขายได้ 6,500 เอาเงินที่ไหนจ่ายดอกเบี้ย ธ.ก.ส.”, “กำแพงเพชรเกวียนละ 5,000-6,000 จะอยู่รอดได้อย่างไร ขอ 12,000 ต่อเกวียน”, “หยาดเหงื่อของชาวนาต้องมาเป็นน้ำตาในวันนี้โคตรช้ำใจ” เป็นต้น จากนั้นเวลา 12.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนมาชุมนุมบริเวณประตู 1 สะพานชมัยมรุเชฐ ต่อมาเวลา 12.50 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินมาพบกลุ่มผู้ชุมนุม พร้อมกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้นิ่งนอนใจ ท่านเข้าใจปัญหาเกษตรกรชาวนาทุกคน วันนี้ต้องขอโทษทุกคน ที่ผ่านมาตนเป็นรมช.พาณิชย์ เอาข้อมูลมาดู 2 ปีที่ผ่านมา อินเดียไม่ได้ส่งออก ไม่ได้แข่ง แต่พอเขาส่งออกทำให้ข้าวราคาตก ตรงนี้ไม่ใช่ข้อแก้ตัว นายกรัฐมนตรีกำชับกระทรวงพาณิชย์ว่า การประชุมคณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการตลาด (อนุ นบข.) ที่จะกำหนดแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากราคาข้าวเปลือกที่ลดลงจากการกลับมาส่งออกของอินเดียหลังหยุดไป 2 ปี ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ กระทรวงพาณิชย์ต้องเสนอว่าจะให้ราคาเท่าไหร่ ส่วนที่รัฐบาลเพิ่มภาระให้เกษตรกรเรื่องห้ามเผาฟาง นายสุชาติ ระบุว่า ถือเป็นนโยบายแก้ฝุ่น PM 2.5 การประชุมพรุ่งนี้ก็จะบรรจุเรื่องนี้ด้วย เพราะสร้างปัญหาให้เกษตรกร รวมถึงเรื่องเงินชดเชยด้วยที่จะมีการสอบถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ว่าจะเป็นอย่างไร ยืนยันนายกรัฐมนตรีไม่ทอดทิ้ง...

ติดตามเราได้ที่ 18 ก.พ. 2568 11:20 น. แชร์ข่าว “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” ย้ำจุดยืนพรรครวมไทยสร้างชาติ แก้รัฐธรรมนูญ ต้องไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 เกี่ยวกับเรื่องทุจริต ลั่นหากทำต้องไม่ผิดกฎหมาย ยึดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 18 ก.พ. 2568 ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงจุดยืนการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรค รทสช.ว่า วันนั้นเราได้ประกาศไปแล้ว และต้องดูเรื่องว่าทำอะไรอย่าให้ผิดกฎหมาย เพราะเรื่องนี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยไปแล้ว ควรไปดูคำวินิจฉัยก่อนจะต้องทำประชามติก่อนหรือไม่ ในกรณีที่มีการแก้มาตรา 256 ทั้งนี้ พรรค รทสช. เราไม่เคยหาเสียงเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ เนื่องจากเป็นข้อตกลงของพรรครวมรัฐบาล ซึ่งพรรค รทสช. ยืนยันว่าไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 กับส่วนที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตประพฤติมิชอบ จะแก้บางมาตรามาแก้หรือแก้เกือบทั้งหมดก็จะต้องพิจารณาไปตามความเหมาะสม เมื่อถามถึงจุดยืนจะทำประชามติกี่ครั้ง นายเอกนัฏ กล่าวว่า “ตามศาลสิครับ ทำไมจะต้องมาตีความ เพราะในรัฐธรรมนูญมีระบุเป็นลายลักษณ์อักษรชัด และเรื่องนี้ได้ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว คิดว่าถ้ามีอะไรเปลี่ยนก็ส่งไปได้ เพราะคำวินิจฉัยผูกมัดทุกองค์กร” เมื่อถามว่า จะต้องมีการเคลียร์กันก่อนในวันดินเนอร์พรรคร่วมหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบ แต่คุยอย่างไรผลก็เหมือนเดิม เพราะคุยกันหลายรอบ ยืนยันกับพรรคร่วมทั้งหมดว่าจุดยืนของพรรค รทสช. เราเหมือนเดิม อีกทั้งตอนนี้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค รทสช. ก็มีภารกิจเยอะ ทั้งปรับค่าพลังงาน ลดค่าไฟ ส่วนของตนก็มีการปรับระบบอุตสาหกรรมใหม่ นี่คือภารกิจหลักของเราทั้งสองคน Source link

บริษัทเมตา (Meta) ประกาศแผนการสร้างสายเคเบิลใต้น้ำความยาว 50,000 กิโลเมตร ทั่วโลก เชื่อมต่อระหว่างสหรัฐอเมริกา อินเดีย แอฟริกาใต้ บราซิล และภูมิภาคอื่นๆ เมื่อสร้างเสร็จจะเป็นโครงการสายเคเบิลใต้น้ำที่ยาวที่สุดในโลก บริษัทเมตา ประกาศแผนการสร้างสายเคเบิลใต้น้ำความยาว 50,000 กิโลเมตร ทั่วโลก เมื่อสร้างเสร็จจะเป็นโครงการสายเคเบิลใต้น้ำที่ยาวที่สุดในโลก บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีรายนี้กล่าวว่า เมื่อสร้างเสร็จ “โครงการวอเตอร์เวิร์ธ” (Project Waterworth) ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างสหรัฐอเมริกา อินเดีย แอฟริกาใต้ บราซิล และภูมิภาคอื่นๆ จะเป็นโครงการสายเคเบิลใต้น้ำที่ยาวที่สุดในโลก บริษัทเมตา ซึ่งเป็นเจ้าของเฟซบุ๊ก, อินสตาแกรม และวอตส์แอปป์ พยายามขยายการพัฒนาด้านเทคโนโลยีให้นอกเหนือจากสื่อโซเชียลมีเดีย รวมถึงในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับ บริษัทกล่าวว่าโครงการสายเคเบิลใหม่นี้จะสร้างการเชื่อมต่อระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม ให้กับ 5 ทวีปหลัก และช่วยสนับสนุนโครงการ AI ของบริษัท เมตากล่าวในบล็อกโพสต์ว่า “โครงการนี้จะทำให้เกิดความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่มากขึ้น อำนวยความสะดวกในการรวมดิจิทัล และเปิดโอกาสสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีในภูมิภาคเหล่านี้” ตามข้อมูลของบริษัท สายเคเบิลใต้น้ำดังกล่าวจะเป็นสายเคเบิลที่ยาวที่สุดในปัจจุบันที่ใช้ระบบไฟเบอร์คู่ 24 คู่ ซึ่งทำให้มีความจุที่มากขึ้น เมตาระบุว่า “โครงการนี้จะช่วยให้เกิดความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่มากขึ้น อำนวยความสะดวกในการรวมเอาเทคโนโลยีเข้าไว้ด้วยกัน และเปิดโอกาสในการพัฒนาด้านเทคโนโลยีในภูมิภาคเหล่านี้ เช่น ในอินเดีย ซึ่งเราได้เห็นการเติบโตและการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลอย่างมากแล้ว โครงการวอเตอร์เวิร์ธจะช่วยเร่งความก้าวหน้าและสนับสนุนแผนงานอันทะเยอทะยานของอินเดียสำหรับเศรษฐกิจดิจิทัล” สายเคเบิลใต้น้ำมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากสายเคเบิลใต้น้ำสามารถให้บริการดิจิทัลต่างๆ และถ่ายโอนข้อมูลทั่วโลกด้วยความเร็ว สถิติที่มักถูกอ้างถึงระบุว่าปริมาณการรับส่งข้อมูลอินเทอร์เน็ตมากกว่า 95% ของโลกถูกถ่ายโอนผ่านสายเคเบิลใต้น้ำ บริษัทวิจัยตลาดโทรคมนาคม TeleGeography เปิดเผยว่าปัจจุบันมีระบบสายเคเบิลใต้น้ำที่เป็นที่รู้จักมากกว่า 600 ระบบทั่วโลก ซึ่งรวมถึงสายเคเบิล 2Africa ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเมตา และผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ เช่น ออเรนจ์ (Orange), โวดาโฟน (Vodafone) และ ไชน่า โมบายล์ (China Mobile) ซึ่งเชื่อมโยงสามทวีปและมีความยาว 45,000 กม. ทั้งนี้ บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งที่ทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการเว็บรายใหญ่ ได้ลงทุนมหาศาลในโครงสร้างพื้นฐานของสายเคเบิล กูเกิลกล่าวว่าในปี 2024 จะสร้างสายเคเบิลใต้น้ำสายแรกที่เชื่อมต่อแอฟริกาและออสเตรเลีย และประกาศลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์เพื่อเพิ่มการเชื่อมต่อกับญี่ปุ่นด้วยสายเคเบิลใต้น้ำใหม่ 2 แห่งในมหาสมุทรแปซิฟิก. Source link