สหรัฐฯ จะเลื่อนบังคับใช้มาตรการตั้งกำแพงภาษีสินค้าแคนาดาออกไป 30 วัน หลังจากผู้นำทั้ง 2 ประเทศตกลงกันได้เรื่องมาตรการควบคุมชายแดน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายกรัฐมนตรี จัสติน ทรูโด ของประเทศแคนาดา ประกาศผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ X ในวันจันทร์ที่ 3 ก.พ. 2568 ว่า สหรัฐฯ จะเลื่อนการบังคับใช้มาตรการจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าของแคนาดาในอัตรา 25% ออกไปเป็นเวลา 30 วัน หลังจากเขาโทรศัพท์คุยกับโดนัลด์ ทรัมป์ และตกลงเรื่องความร่วมมือในการควบคุมชายแดนได้
เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับการเลื่อนการตั้งกำแพงภาษี แคนาดาจะเพิ่มการลงทุนด้านความมั่นคงชายแดน จัดตั้งกองกำลังจู่โจมร่วม แคนาดา-สหรัฐฯ เพื่อต่อสู้กับองค์กรอาชญากรรม, การลักลอบขนยาเฟนทานิล และการฟอกเงิน รวมทั้งแต่งตั้ง “เฟนทานิล ซาร์” คอยควบคุมการปฏิบัติการ และร่วมกับสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีแก๊งค้ายาเสพติดเป็นกลุ่มก่อการร้าย
นอกจากนั้น นายทรูโดยังลงนามคำสั่งใหม่ในการจัดหาข้อมูลข่าวกรองเกี่ยวกับอาชญากรรมในลักษณะองค์กรและยาเฟนทานิล ซึ่งรัฐบาลจะสนับสนุนปฏิบัติการนี้เป็นเงิน 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ความเคลื่อนไหวล่าสุดสืบเนื่องจากเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (1 ก.พ.) โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามคำสั่งจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโกเพิ่มขึ้นในอัตรา 25% และจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้น 10% โดยจะเริ่มบังคับใช้ในวันอังคารนี้ (4 ก.พ.)
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ในวันจันทร์ น.ส.คลอเดีย เชนบอม ประธานาธิบดีเม็กซิโกยืนยันว่า สหรัฐฯ จะเลื่อนการตั้งกำแพงภาษีเม็กซิโกออกไป 1 เดือน หลังจากเธอบรรลุข้อตกลงเรื่องชายแดนกับโดนัลด์ ทรัมป์
ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว เม็กซิโกจะส่งกองกำลังพิทักษ์ชาติไปเสริมกำลังในพื้นที่ชายแดนอีก 10,000 นาย เพื่อป้องกันไม่ให้มีการลักลอบขนยาเสพติดเข้าสู่สหรัฐฯ โดยเฉพาะยาเฟนทานิล (fentanyl) ซึ่งเป็นหนึ่งในยาที่นายทรัมป์แสดงความกังวลเป็นพิเศษ ซึ่งทหารกลุ่มนี้จะถูกส่งไปในทันที
ประธานาธิบดีเม็กซิโกบอกด้วยว่า ฝ่ายสหรัฐฯ ก็สัญญาว่าจะดำเนินการเพื่อป้องกันการลักลอบขนอาวุธอานุภาพสูงผ่านชายแดนสหรัฐฯ เข้าสู่เม็กซิโกเช่นกัน