“พ.ต.อ.ทวี” ปัดด้อยค่าใคร แค่สงสัย “ชาวอุยกูร์” ทำไมไปซื้อกระดาษในกรมราชทัณฑ์มาเขียน ย้อนถาม “กัณวีร์” กลับ “ชาวอุยกูร์” เขียนเองจริงหรือไม่ ด้านโฆษกรัฐบาลเตือนพอได้แล้ว เอาเอกสารปลอมมาเล่นทำสังคมสับสน
วันที่ 4 มี.ค. 2568 ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ปช.ปส.) พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เปิดเผยภายหลังการแถลงจับยาเสพติด ถึงกรณี นายกัณวีร์ สืบแสง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเป็นธรรม โต้ปมจดหมายอุยกูร์ ยืนยันเป็นของจริง มาจากผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ ที่ห้องกัก ตม.สวนพลู ไม่ได้มาจากผู้ต้องขังคดีศาลพระพรหมฯ ที่เรือนจำคลองเปรม ว่า คงไม่ตอบโต้ ว่าจดหมายฉบับดังกล่าว “จริงหรือไม่จริง” แต่กระดาษที่ใช้เขียนจดหมาย ฉบับที่นำมาเผยแพร่ตามสื่อต่างๆ มีตราสัญลักษณ์ของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร จึงมีความสงสัยว่า ในเมื่อตัวของผู้ต้องขัง ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ซึ่งผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ชุดเดียวกัน มีพฤติการณ์แหกที่คุมขัง และมีการทำร้าย จึงมีการตั้งข้อหาปล้นทรัพย์ โดยผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ชุดนี้ จะต้องถูกคุมขังในเรือนจำ ไปจนกระทั่งปี 2572 ตามคำพิพากษาของศาล ที่ตัดสินเด็ดขาดแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อกระดาษจดหมายที่มีการนำเผยแพร่ และอ้างว่าเป็นจดหมายที่ถูกเขียนด้วยลายมือชาวอุยกูร์ แต่มีตราของเรือนจำคลองเปรม จึงถามกลับว่า “ชาวอุยกูร์” เขียนจริงหรือไม่
ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ไปสอบถามผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ทั้ง 5 คน ที่ถูกคุมขังอยู่นั้น ปรากฏว่ามีเพียงผู้ต้องขัง 2 คนเท่านั้น ที่ยอมรับว่าเป็นผู้เขียนจดหมาย แต่เขียนถึงภรรยาที่เป็นคนไทย
อีกทั้งยังยืนยันว่าจดหมายที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ ตัวเองไม่ได้เป็นคนเขียนขึ้นมาแต่อย่างใด ส่วนจดหมายฉบับดังกล่าวจะมาจาก ตม. หรือไม่ คงต้องไปถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ
พ.ต.อ. ทวี ยังตั้งข้อสังเกต และสงสัยว่า เหตุใดจึงเอากระดาษของกรมราชทัณฑ์ ไปเขียน เพราะโดยปกติ คงไม่มีประชาชนคนใด เข้าไปซื้อกระดาษในกรมราชทัณฑ์ เนื่องจากต้องการผู้ต้องขังได้ใช้กระดาษนี้ และไม่ได้มีเจตนาไปด้อยค่าใคร
ในนามของรัฐบาลทุกครั้งที่มีการประชุม ต้องดูพยานหลักฐาน และมีผู้ทรงคุณวุฒิเข้าร่วมประชุมด้วย อาทิ อัยการสูงสุด หน่วยงานสิทธิมนุษยชนมาร่วมสังเกตการณ์ด้วย ที่สำคัญหน่วยงานตำรวจ ถือว่าเป็นองค์ใหญ่ คงไม่ทำอะไรที่ขัดต่อกฎหมาย
รัฐบาลยันส่งชาวอุยกูร์กลับบ้านทำทุกอย่างโปร่งใส
ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการส่งชาวจีนอุยกูร์กลับประเทศจีนว่า เรื่องนี้ทั้งรัฐบาลไทยและจีนยืนยันความโปร่งใส พร้อมให้มีการตรวจสอบ ในการเดินทางถึงซินเจียงแล้วความเป็นอยู่อย่างไร ทั้งนี้ นายกัณวีร์น่าจะหยุดเรื่องดังกล่าวนี้ได้แล้ว เนื่องจากยิ่งออกมาพูดหรือแสดงหลักฐานที่ไม่ถูกต้อง ยิ่งทำให้เกิดความสับสนต่อสังคม และประเทศไทย คนไทยก็ไม่ได้ประโยชน์ใดๆ เลย โดยเฉพาะเรื่องของจดหมายที่อ้างว่ามาจากชาวอุยกูร์ ซึ่งกรมราชทัณฑ์ก็ออกมายืนยันอย่างชัดเจนแล้วว่าปลอมไม่ได้ออกมาจากเรือนจำกลางคลองเปรม
ในขณะที่นายกัณวีร์ก็ระบุว่าจดหมายดังกล่าวเขียนถึงนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เหตุใดจึงนำไปเก็บไว้โดยไม่ส่งมอบให้กับรัฐบาล หรือหากมีเจตนาที่ดีก็สามารถเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียได้ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ซึ่งหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องจะได้รับรู้ข้อมูลและนำไปติดตามตรวจสอบเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น กลับปล่อยล่วงเลยมาจนถึงเดือนมีนาคมปีนี้เพื่ออะไร
นายจิรายุ กล่าวว่า สังคมยังเกิดข้อสงสัยอย่างมากว่าไปเอาออกมาจากห้องกักของ ตม.ได้อย่างไร และไปรับจากใคร หรือใครให้มา มีเจตนาอะไร ซึ่งประเด็นนี้ถ้าหากตอบสังคมได้ก็จะเกิดความกระจ่างมากยิ่งขึ้น
เตือน “กัณวีร์” พอได้แล้ว เอาเอกสารปลอมมาเล่นทำสังคมสับสน
ในขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ย้ำหลายครั้งว่าสถานการณ์ 15 ปีที่แล้ว ที่มณฑลซินเจียงกับปัจจุบันไม่เหมือนกัน โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก มีการเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจ และหลายรัฐบาลไทยก็ดำเนินการประสานงานอยู่ตลอดเวลาก็ไม่เห็นมีประเทศไหนให้การตอบรับตัวชาวจีนอุยกูร์กลุ่มนี้ไปประเทศที่ 3 แต่อย่างใด
“วันนี้หน่วยราชการยืนยันว่าปลอม มีแต่นายกัณวีร์คนเดียวที่ยืนยันว่าเป็นจดหมายจริง ตนเห็นว่าควรจะยุติเรื่องที่ออกมาพูดได้แล้ว และรอการที่รัฐบาลจะส่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเดินทางไปติดตามภายในเดือนนี้เพื่อให้เห็นถึงความจริงใจในการแก้ไขปัญหาร่วมกันระหว่างสองประเทศจะดีกว่า ยิ่งนำเสนอมากเท่าไหร่ก็ยิ่งสร้างความสับสน และไม่เห็นเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยแต่อย่างใดเลย เพราะรัฐบาลไทยได้ปฏิบัติตามสนธิสัญญาต่างๆ รวมทั้งเรื่องของสิทธิมนุษยชนอย่างชัดเจนแล้ว”
